21 พฤศจิกายน 2556

เริ่มเรียน

วันอังคารที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556
เขียนโดย น้องดรีมนักศึกษาฝึกงาน
            วันนี้เป็นวันที่สามของการลงพื้นที่ฝึกงาน เริ่มวันที่สามด้วยการเดินทักทายถามสารทุกข์สุกดิบเพื่อนของเราที่บริเวณริมคลองหลอด พรางคุยกันถึงกันถึงผู้ที่มาใช้ชีวิตในที่สาธารณะอีกกลุ่มหนึ่ง และส่วนมากคนที่ใช้ชีวิตรอบ ๆ สนามหลวงล้วนเป็นกันคือ “ผู้ติดสุรา” ผู้ติดสุราในที่นี่อธิบายได้ดังนี้
ผู้ติดสุรา คือ ผู้ที่เป็นโรคติดสุราหรือพิษสุราเรื้อรัง เป็นคำกว้างๆ ที่ใช้ในการวินิจฉัยผู้ติดสุรา ที่ทำให้เกิดปัญหาหน้าที่การงาน หรือสุขภาพ มีลักษณะการดำเนินโรคอย่างเรื้อรัง โดยมีลักษณะที่สูญเสียความสามารถในการควบคุมการดื่มสุรา และมีผลเสียตามมาทั้งด้านสังคม กฎหมาย สุขภาพจิต และสุขภาพกาย โดยที่ผู้ป่วยมักไม่ตระหนักถึงปัญหาเหล่านี้ว่าเกิดจากการใช้สุรา สาเหตุที่ทำให้บุคคลเหล่านี้ออกมาใช้ชีวิตในที่สาธารณะ อันเนื่องมาจากครอบครัวไม่สามารถดูแล หรือบางครอบครัวไม่สามารถรับได้กับการมีพฤติกรรมดื่มสุราเป็นประจำ อีกส่วนหนึ่งคือ บุคคลเหล่านี้พอมาใช้ชีวิตในที่สาธารณะ แล้วดื่มสุรามาเป็นเวลานาน ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางความรู้สึกและทำให้เพิ่มความต้องการ แม้ว่าจะเกิดผลเสียมากมาย เป็นการเสพติดทางใจ และการเสพติดทางร่างกาย ทำให้เกิดการถอนสุราหรือไม่สบายหากไม่ได้ดื่ม (อ้างอิงจากหนังสือ การทำงานกับผู้ใช้ชีวิตในที่สาธารณะ,11)
หลังจากนั้นไม่นาน รถโมบาย ของมูลนิธิอิสรชนก็ขับมาถึง รถโมบายจะลงพื้นที่จอดประจำบริเวณสะพานข้ามคลองหลอดทุกวันอังคารกับวันศุกร์ มีพี่นธีกับพี่จ๋าประจำรถโมบาย โดยรถโมบายจะทำหน้าที่บริการน้ำดื่ม แจกถุงยาง ให้ข้อมูลแก่ผู้ที่สนใจ และให้ความช่วยเหลือแก่เพื่อนของเรา รถโมบายจะมาถึงคลองหลอดเวลาประมาณบ่ายโมงเป็นต้นไปถึงเวลาห้าโมงเย็น
จากนั้นเราก็ได้คุยถึงเรื่องรายระเอียดของงานที่จะได้ทำในอาทิตย์ต่อไป และวางตารางงานต่าง ๆ รวมถึงการลงพื้นที่ในครั้งต่อ ๆ ไปที่จะได้ออกไปนอกพื้นที่สนามหลวง สถานที่ที่ว่านี้ได้แก่ ศิริราช สวนจตุจักร หมอชิต สะพานควาย พาต้า เซนทรัลปิ่นเกล้า สถานนีขนส่งสายใต้ บางกอกน้อย และอาจจะมีเพิ่มอีก รวมทั้งวันที่ 13 14 เราอาจจะต้องไปอบรมความรู้เพิ่มเติมไปอีก
พอเราคุยกันถึงรายระเอียดต่าง ๆ พร้อมทั้งวางแผนงานเสร็จเรียบร้อย เราก็เริ่มทำหน้าที่อีกอย่างหนึ่งของมูลนิธิ คือ การเดินแจกถุงยางให้แก่ Sex worker เราเดินจากคลองหลอดไปถึงบริเวณถนนราชดำเนินแล้วก็กลับมา ตอนแรกกะว่าจะพูดคุยกับพนักงานบริการไปด้วย แต่เหมือนกับว่าเวลาทำงานของพนักงานบริการเขาจะไม่คุยด้วยกับเรา เราจึงทำได้แค่เดินแจกถุงยางไปเท่านั้นเอง และเมื่อเราเดินแจกจนหมดแล้วเราก็เดินกลับมาประจำอยู่ที่รถโมบายเพื่อเฝ้าสังเกตเพื่อนของเราที่เดินผ่านไปผ่านมาหรือให้ความช่วยเหลือแก่เพื่อนของเรา อาทิเช่น การทำแผล เป็นต้น และหลังจากนั้นไม่นานเราก็ได้ทำความรู้จักกับเพื่อนคนใหม่ พี่เครานั้นเอง
พี่เครา แกเกิดที่เพชรบุรี เรียนหนังสือจบ มส.5 หรือม.5 ในปัจจุบัน (แต่สมั่ยนั้นยังไม่มีม.6 แต่มีป.7) และต่อปวช. แต่เรียนไม่จบ แกเลยบอกพ่อว่าอยากเป็นครูตชด. แล้วก็หาวิธีสอบเข้าแต่สุดท้ายด้วยการศึกษาข้อมูลที่ไม่ดีของแกเอง เลยทำให้แกสอบครูไม่ได้ จนในที่สุดแกทนไม่ไหว เลยบอกพ่อของแกเองว่าขอออกมาใช้ชีวิตที่กรุงเทพฯ ก็แล้วกันช่วงนั้นแกอายุ 28 ปี พ่อแกก็บอกว่าได้ แต่ขอให้แกทำงานที่สุจริตไม่ผิดกฎหมายเป็นพอ
หลังจากนั้นแกก็มาใช้ชีวิตที่เมืองหลวง ทำงานทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ อาทิเช่น ทำเครื่องกลึงไม้ ทำรองเท้าหนัง และอีกหลายอย่างตามแต่ที่แกจะทำได้ แต่ในบางครั้งบางงานแกก็ถูกโกง หักหลังบ้าง จากเพื่อนบ้าง คนรักบ้างทำให้แกเสียทั้งเงินเสียทั้งความไว้ใจต่อใคร ในที่สุดแกก็เริ่มที่จะหันหน้าพึ่งเหล้า และกลายเป็นคนติดเหล้าไปในที่สุด
แต่ตอนนี้แกบอกว่าแกมีความฝัน ที่อยากจะเก็บเงินซื้อรถซาเล้งขนของสักคันเพื่อที่จะขนของขนขนมมาขายที่คลองหลอด แกจึงเลิกเหล้า เราก็ได้แต่เฝ้ามองแกต่อไป และดูว่าแกจะพยายามเลิกเหล้าได้หรือไม่ เพราะถ้าหากแกมีความพยายามที่มากพอจนปรับปรุงตัวเองได้ ทางมูลนิธิอิสรชนก็จะได้ช่วยเหลือแก ด้วยการให้เงินแกไปลงทุนในส่วนหนึ่งเพิ่มเติมจากส่วนที่แกเก็บหอมรอมริบได้จากการเก็บขวดขาย และแน่นอน นั้นย่อมเป็นหลังจากที่แกเลิกเหล้าได้แล้ว
วันนี้เรายังได้เดินรอบสนามหลวงกับพี่เลี้ยงของเรา เพื่อพบป่ะกับเพื่อนใหม่ ๆ และเข้าไปทักทายทำความรู้จักกับเขาเหล่านั้น โดยอาจมี ยากันยุงแบบซองไปฝากบ้าง หรืออาจเป็นถุงยางหากเพื่อนของเราต้องการ และในตอนค่ำพี่นธีกับพี่จ๋ายังพาเราเดินเข้าไปในตรอกสาเก ที่ที่เหล่าพนักงานบริการ จะใช้เป็นที่ทำงาน เพื่อนเดินเข้าไปแจกถุงยาง และสำรวจข้อมูลไปด้วย แต่เนื่องจากเราเข้ากันไปตอนหัวค่ำ จึงยังไม่พบพนักงานบริการมากนักมีเพียงสองถึงสามคนได้ พวกเราจึงได้ออกมา และสิ้นสุดการปฎิบัติงานในวันนี้
จากที่เราได้คุยกับพี่เครา ทำให้เราได้เห็นว่าจุดเปลี่ยนของคนเรา อาจมาจากการที่ถูกกระทำโดยคนรอบข้าง หรือคนที่ไว้ใจ จนทำให้สภาพจิตใจไม่เข็มแข็งพอต้องหันหน้าไปพึ่งของจำพวกสารเสพติด อาทิ เหล้า หรืออะไรทำนองนั้น ทำให้ในท้ายที่สุดผลลัพธ์ก็ออกมาย่ำแย่ยากที่จะหวนคือสู่วิธีชีวิตดั้งเดิม เราอยากเห็นพี่เคราแกกลับตัวกลับมาใช้ชีวิตได้เหมือนเดิมอีกครั้ง แต่ก็นั้นแหล่ะเราคงทำอะไรไม่ได้มาก นอกจากเข้ามาพูดคุยให้กำลังใจ และเรียนรู้จากพี่เครา จากนั้นที่เหลือคงทำได้เพียงเฝ้ามองแกเดินหน้าต่อไป ไปสู่ที่ที่แกอยากจะไปอยู่ในจุดจุดนั้น


ไม่มีความคิดเห็น: