7 ตุลาคม 2554

ผู้ใช้ชีวิตในที่สาธารณะไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิดและเห็น



ทำไมถึงไล่พวกเขา คนจน คนที่บาดเจ็บจากสังคม คุณจะไม่ให้เขามีที่ยืนในสังคมเลยหรือ ทุกวันนี้เขาก็ถูกมองข้ามจากสังคมอยู่แล้ว การดิ้นรนเพื่อเลี้ยงชีวิตวันละพอกิน พออยู่ ตามกำลัง กับชีวิตครอบครัวที่ต้องคอยเลี้ยงดู คุณภาพชีวิตของเขาไม่มี เขาขอเพียงที่หลับนอนที่สนามหลวง แต่วันนี้คุณขอสนามหลวงให้กับคนส่วนใหญ่ ที่มีรถ ที่มีบ้าน แล้วเขาละ จะอยู่ที่ไหน จะเยียวยาอย่างไรก็ช่าง ไม่เดือดร้อนคุณใช่ไหม ผู้บริหารกทม. ทั้งหลาย


.
       จากที่เคยมีนักวิชาการบางท่านนำเสนองานวิจัยที่อ้างว่าทำจากฐานการลงทำงานในพื้นที่โดยเฉพาะสนามหลวงอย่างลงลึกและเกาะติดอย่างต่อเนื่องกว่า 2 ปี และนำเสนองานจนเป็นที่กล่าวขานกันในหมู่นักวิชาการด้านมานุษยวิทยาและสังคมวิทยาว่าเป็นงานวิจัยที่ยอดเยี่ยมฉบับหนึ่งนั่น ในฐานะที่อิสรชน ก็ถือได้ว่าทำงานกับกลุ่มคนเร่ร่อนไร้บ้านอย่างยาวนานและต่อเนื่ององค์กรหนึ่ง ขออนุญาตแสดงความเห็นทั้งที่สอดคล้องในทิศทางเดียวกันและเห็นแย้งในอีกมุมหนึ่งที่มองจากมุมของคนเร่ร่อนไร้บ้านเองไม่ได้มองจากมุมที่คนนอกมองเข้ามาเพียงอย่างเดียว
ถึงบ้าก็น่ารัก เมียมีอาการทางจิต ที่ไม่สื่อสารกับใคร แต่สามีก็ดูแลกันและกันเสมอมากว่า 10 ปี
         รูปแบบการทำงานของอิสรชนออกจะค่อนข้างนิสัยเสียในด้านของการลงไปฝังตัวแบบลึกถึงลึกมากกับกลุ่มเป้าหมายที่เราทำงานร่วมด้วย เข้าทำนอง ร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมกิน ร่วมอยู่ ร่วมนอน กันเลยทีเดียว สิ่งที่เราพบเห็น พบเจอ มีทั้งมุมที่สอดคล้องกับ นักวิชาการท่านนั้น อ้างในงานวิจัย และยังมีมุมที่ผิดแผกแตกต่างออกไปเกือบจะสุดขั้วเลยด้วยซ้ำไป

            แม้ว่ารัฐธรรมนูญ ฉบับที่ผ่านความเห็นชอบในมาตรา 55 จะระบุถึงมาตรฐานขั้นต่ำ (สสร.บางคนออกมาบอก) ที่ รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ให้รัฐบาลที่เข้ามาบริหารหลังจากมีการเลือกตั้งทั่วไปที่จะถึงนี้ นำไปกำหนดเป็นนโยบายในการบริหารประเทศ แต่ถามว่าจะมีพรรคการเมืองใดจะให้บริการแก่กลุ่มผู้ใช้ชีวิตในที่สาธารณะเป็นอันดับต้น ๆ ในเมื่อกลุ่มคนเหล่านี้ ไม่ได้ออกมาใช้สิทธิ์ตามหน้าที่ในการละคะแนนเสียงเลือกตั้งพวกเขาเข้ามาบริหารประเทศ ?? ผู้ใช้ชีวิตในที่สาธารณะ ก็ ต้องเป็น ประชากรที่ต่ำกว่าประชากรชั้นสามด้วยซ้ำไป คือพวกที่ต้องแอบขึ้นรถไฟ เพราะตั๋วโดยสารไม่มี หรือมีแต่หล่นตกหายไปแล้ว ครั้นจะเสียค่าปรับเพื่อได้ตั๋วใหม่ก็ ไม่มีค่าปรับ ไม่มีใครรับรองว่า เป็นคนเคยมีตั๋วมาก่อน ถึงขนาดบางทีอาจจะต้องโดนเชิญลงจากรถในสถานีถัดไป สู้ ไม่ ไปไหน อยู่กับที่ดูน่าจะมีความสุขกว่า ไม่ต้องดิ้นรนอะไรให้ต้องเสียความรู้สึกไปเปล่า ๆ
ลุงชัยพรตอนนี้กลับมาอยู่ที่บ้านมิตรไมตรี มาเป็นอาสาสมัครสอนพิเศษภาษาอังกฤษ วันนี้แวะมาเยี่ยมอิสรชนที่สนามหลวง
        ผู้ใช้ชีวิตในที่สาธารณะที่ อิสรชนพบเจอในการทำงาน ไม่ใช่พวกสิ้นไร้หนทางในการดำเนินชีวิตไปเสียทั้งหมด หากแต่ หลายคนโดนกระทำจากสังคม จากชุมชน  จากครอบครัว จากคนรอบข้าง จนทำให้เขา หมดอาลัยตายอยากในชีวิตก็มีไม่น้อย หลายคนออกจากบ้านเพราะไม่อยากเป็นภาระของลูกหลาน หรือพี่น้อง หลายคน ได้รับความกดดันจากสังคมและชุมชนที่อาศัยอยู่ ไม่ได้เป็นที่ต้องตั้งใจจะออกมาเป็นภาระของสังคมด้วยซ้ำไป หลายคนที่อิสรชน ได้มีโอกาสพูดคุยด้วยก่อนที่เขาจะหายตัวไปจากสนามหลวงหรือที่สาธารณะแห่งอื่น ๆ เป็นคนที่มาจากครอบครัวที่ค่อนข้างมีฐานะดี มีการศึกษา แต่ ก็ พอใจที่จะออกมาใช้ชีวิตที่จะแสวงหาคำตอบของชีวิตด้วยตัวของเขาเอง ในรูปแบบของเขาเอง
 รูปนี้พอจะสู้หนุ่มจีนไหวไหมค่ะ น้องอาสาสมัครถ่ายไว้เมื่อปีที่แล้วตอนเจอที่สยามก่อนมาพบกันในสนามหลวงปีนี้ ตอนเอาภาพให้เจ้าตัวดูเขานั่งนึกตั้งนาน จนไม่ยอมกินข้าวไข่เจียวที่ซื้อให้ แต่หันมาพูดเพียงประโยคเดียวว่า "หล่อ" ชมตัวเองด้วย ความน่ารักของผู้ป่วยข้างถนน ที่เราเริ่มต้นคุยได้เกือบเดือน จนวันนี้มานั่งเฝ้าเราทุกวันที่ลงพื้นที่        หลายคนออกมาใช้ชีวิตอย่างอิสระนานวันเข้า ความคิดที่เคยมีกรอบกักขังเขาไว้ ก็ เริ่มเลือนรางและหายไปในที่สุด เขาประกาศตัวเป็นไทจากพันธนาการทางสังคมที่ห่อหุ้มเขาเอาไว้ตั้งแต่แรกเกิด ใช้ชีวิต โดยไม่ ติดยึดกับกรอบเดิม ๆ แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาอยู่นอก หรือเหนือกฎหมาย เพียงแต่ เขาไม่ยอมอยู่ภายใต้ การตีตราของสังคมว่า เขาเป็นภาระหรือเป็นขยะสังคมอย่างที่หลาย ๆ คนมองและพิพากษาเขา
        หากวันใดคุณมีโอกาสหรือผ่านไปในที่ที่ผู้ใช้ชีวิตในที่สาธารณะที่ เขาใช้ชีวิตอย่างมีความสุข อยู่กันแบบครอบครัว เนื้อตัวอาจจะดูสกปรกและมอมแมมไปบ้าง ก็ ขออย่าได้มองอย่างพิพากษาเขาว่า เขา เป็นอย่างที่ ใครเคยบอกคุณต่อ ๆ กันมา ลองมองในมุมที่อิสรชนมอง แล้วคุณเอง จะมีรอยยิ้มแห่งความปิติปรากฎขึ้นทันทีโดยไม่รู้ตัว
คุณลุงที่มาเป้นยามแล้วถูกโกง ตอนนี้ก็ต้องดิ้นรนใช้ชีวิตในที่สาธารณะ

ไม่มีความคิดเห็น: