วันอังคารที่ 5
พฤศจิกายน พ.ศ. 2556
เขียนโดย น้องดรีมนักศึกษาฝึกงาน
วันนี้เป็นวันที่สามของการลงพื้นที่ฝึกงาน
เริ่มวันที่สามด้วยการเดินทักทายถามสารทุกข์สุกดิบเพื่อนของเราที่บริเวณริมคลองหลอด
พรางคุยกันถึงกันถึงผู้ที่มาใช้ชีวิตในที่สาธารณะอีกกลุ่มหนึ่ง
และส่วนมากคนที่ใช้ชีวิตรอบ ๆ สนามหลวงล้วนเป็นกันคือ “ผู้ติดสุรา”
ผู้ติดสุราในที่นี่อธิบายได้ดังนี้
ผู้ติดสุรา คือ ผู้ที่เป็นโรคติดสุราหรือพิษสุราเรื้อรัง เป็นคำกว้างๆ
ที่ใช้ในการวินิจฉัยผู้ติดสุรา ที่ทำให้เกิดปัญหาหน้าที่การงาน หรือสุขภาพ
มีลักษณะการดำเนินโรคอย่างเรื้อรัง โดยมีลักษณะที่สูญเสียความสามารถในการควบคุมการดื่มสุรา
และมีผลเสียตามมาทั้งด้านสังคม กฎหมาย สุขภาพจิต และสุขภาพกาย
โดยที่ผู้ป่วยมักไม่ตระหนักถึงปัญหาเหล่านี้ว่าเกิดจากการใช้สุรา
สาเหตุที่ทำให้บุคคลเหล่านี้ออกมาใช้ชีวิตในที่สาธารณะ
อันเนื่องมาจากครอบครัวไม่สามารถดูแล หรือบางครอบครัวไม่สามารถรับได้กับการมีพฤติกรรมดื่มสุราเป็นประจำ
อีกส่วนหนึ่งคือ บุคคลเหล่านี้พอมาใช้ชีวิตในที่สาธารณะ แล้วดื่มสุรามาเป็นเวลานาน
ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางความรู้สึกและทำให้เพิ่มความต้องการ
แม้ว่าจะเกิดผลเสียมากมาย เป็นการเสพติดทางใจ และการเสพติดทางร่างกาย
ทำให้เกิดการถอนสุราหรือไม่สบายหากไม่ได้ดื่ม (อ้างอิงจากหนังสือ
การทำงานกับผู้ใช้ชีวิตในที่สาธารณะ,11)
หลังจากนั้นไม่นาน รถโมบาย
ของมูลนิธิอิสรชนก็ขับมาถึง
รถโมบายจะลงพื้นที่จอดประจำบริเวณสะพานข้ามคลองหลอดทุกวันอังคารกับวันศุกร์
มีพี่นธีกับพี่จ๋าประจำรถโมบาย โดยรถโมบายจะทำหน้าที่บริการน้ำดื่ม แจกถุงยาง
ให้ข้อมูลแก่ผู้ที่สนใจ และให้ความช่วยเหลือแก่เพื่อนของเรา
รถโมบายจะมาถึงคลองหลอดเวลาประมาณบ่ายโมงเป็นต้นไปถึงเวลาห้าโมงเย็น
จากนั้นเราก็ได้คุยถึงเรื่องรายระเอียดของงานที่จะได้ทำในอาทิตย์ต่อไป
และวางตารางงานต่าง ๆ รวมถึงการลงพื้นที่ในครั้งต่อ ๆ
ไปที่จะได้ออกไปนอกพื้นที่สนามหลวง สถานที่ที่ว่านี้ได้แก่ ศิริราช สวนจตุจักร
หมอชิต สะพานควาย พาต้า เซนทรัลปิ่นเกล้า สถานนีขนส่งสายใต้ บางกอกน้อย
และอาจจะมีเพิ่มอีก รวมทั้งวันที่ 13 14 เราอาจจะต้องไปอบรมความรู้เพิ่มเติมไปอีก
พอเราคุยกันถึงรายระเอียดต่าง ๆ
พร้อมทั้งวางแผนงานเสร็จเรียบร้อย เราก็เริ่มทำหน้าที่อีกอย่างหนึ่งของมูลนิธิ คือ
การเดินแจกถุงยางให้แก่ Sex worker เราเดินจากคลองหลอดไปถึงบริเวณถนนราชดำเนินแล้วก็กลับมา
ตอนแรกกะว่าจะพูดคุยกับพนักงานบริการไปด้วย แต่เหมือนกับว่าเวลาทำงานของพนักงานบริการเขาจะไม่คุยด้วยกับเรา
เราจึงทำได้แค่เดินแจกถุงยางไปเท่านั้นเอง
และเมื่อเราเดินแจกจนหมดแล้วเราก็เดินกลับมาประจำอยู่ที่รถโมบายเพื่อเฝ้าสังเกตเพื่อนของเราที่เดินผ่านไปผ่านมาหรือให้ความช่วยเหลือแก่เพื่อนของเรา
อาทิเช่น การทำแผล เป็นต้น
และหลังจากนั้นไม่นานเราก็ได้ทำความรู้จักกับเพื่อนคนใหม่ พี่เครานั้นเอง
พี่เครา แกเกิดที่เพชรบุรี เรียนหนังสือจบ
มส.5
หรือม.5 ในปัจจุบัน (แต่สมั่ยนั้นยังไม่มีม.6
แต่มีป.7) และต่อปวช. แต่เรียนไม่จบ
แกเลยบอกพ่อว่าอยากเป็นครูตชด. แล้วก็หาวิธีสอบเข้าแต่สุดท้ายด้วยการศึกษาข้อมูลที่ไม่ดีของแกเอง
เลยทำให้แกสอบครูไม่ได้ จนในที่สุดแกทนไม่ไหว
เลยบอกพ่อของแกเองว่าขอออกมาใช้ชีวิตที่กรุงเทพฯ ก็แล้วกันช่วงนั้นแกอายุ 28
ปี พ่อแกก็บอกว่าได้ แต่ขอให้แกทำงานที่สุจริตไม่ผิดกฎหมายเป็นพอ
หลังจากนั้นแกก็มาใช้ชีวิตที่เมืองหลวง
ทำงานทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ อาทิเช่น ทำเครื่องกลึงไม้ ทำรองเท้าหนัง
และอีกหลายอย่างตามแต่ที่แกจะทำได้ แต่ในบางครั้งบางงานแกก็ถูกโกง หักหลังบ้าง
จากเพื่อนบ้าง คนรักบ้างทำให้แกเสียทั้งเงินเสียทั้งความไว้ใจต่อใคร
ในที่สุดแกก็เริ่มที่จะหันหน้าพึ่งเหล้า และกลายเป็นคนติดเหล้าไปในที่สุด
แต่ตอนนี้แกบอกว่าแกมีความฝัน
ที่อยากจะเก็บเงินซื้อรถซาเล้งขนของสักคันเพื่อที่จะขนของขนขนมมาขายที่คลองหลอด
แกจึงเลิกเหล้า เราก็ได้แต่เฝ้ามองแกต่อไป และดูว่าแกจะพยายามเลิกเหล้าได้หรือไม่
เพราะถ้าหากแกมีความพยายามที่มากพอจนปรับปรุงตัวเองได้
ทางมูลนิธิอิสรชนก็จะได้ช่วยเหลือแก
ด้วยการให้เงินแกไปลงทุนในส่วนหนึ่งเพิ่มเติมจากส่วนที่แกเก็บหอมรอมริบได้จากการเก็บขวดขาย
และแน่นอน นั้นย่อมเป็นหลังจากที่แกเลิกเหล้าได้แล้ว
วันนี้เรายังได้เดินรอบสนามหลวงกับพี่เลี้ยงของเรา
เพื่อพบป่ะกับเพื่อนใหม่ ๆ และเข้าไปทักทายทำความรู้จักกับเขาเหล่านั้น โดยอาจมี
ยากันยุงแบบซองไปฝากบ้าง หรืออาจเป็นถุงยางหากเพื่อนของเราต้องการ
และในตอนค่ำพี่นธีกับพี่จ๋ายังพาเราเดินเข้าไปในตรอกสาเก ที่ที่เหล่าพนักงานบริการ
จะใช้เป็นที่ทำงาน เพื่อนเดินเข้าไปแจกถุงยาง และสำรวจข้อมูลไปด้วย
แต่เนื่องจากเราเข้ากันไปตอนหัวค่ำ
จึงยังไม่พบพนักงานบริการมากนักมีเพียงสองถึงสามคนได้ พวกเราจึงได้ออกมา
และสิ้นสุดการปฎิบัติงานในวันนี้
จากที่เราได้คุยกับพี่เครา ทำให้เราได้เห็นว่าจุดเปลี่ยนของคนเรา
อาจมาจากการที่ถูกกระทำโดยคนรอบข้าง หรือคนที่ไว้ใจ
จนทำให้สภาพจิตใจไม่เข็มแข็งพอต้องหันหน้าไปพึ่งของจำพวกสารเสพติด อาทิ เหล้า
หรืออะไรทำนองนั้น
ทำให้ในท้ายที่สุดผลลัพธ์ก็ออกมาย่ำแย่ยากที่จะหวนคือสู่วิธีชีวิตดั้งเดิม
เราอยากเห็นพี่เคราแกกลับตัวกลับมาใช้ชีวิตได้เหมือนเดิมอีกครั้ง แต่ก็นั้นแหล่ะเราคงทำอะไรไม่ได้มาก
นอกจากเข้ามาพูดคุยให้กำลังใจ และเรียนรู้จากพี่เครา
จากนั้นที่เหลือคงทำได้เพียงเฝ้ามองแกเดินหน้าต่อไป
ไปสู่ที่ที่แกอยากจะไปอยู่ในจุดจุดนั้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น